Health

  • แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ดูแลอย่างไร
    แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ดูแลอย่างไร

    แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก เกิดจากอุบัติเหตุที่ผิวหนังโดนความร้อน พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงควรมีการป้องกันตนเองให้เหมาะสม และหากเกิดขึ้นก็สามารถปฐมพยาบาลแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกที่เกิดกับตัวเองและคนรอบข้างเบื้องต้นได้อย่างถูกวิธี

    แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก บนผิวหนัง

    บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก คือการบาดเจ็บบริเวณผิวหนัง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความร้อน ทั้งความร้อนแห้งคือเปลวไฟ วัสดุร้อน เช่น เตารีด เป็นต้น หรือความร้อนเปียก เช่น น้ำร้อน กาแฟร้อน เป็นต้น สาเหตุอื่นที่ทำให้บาดเจ็บบริเวณผิวหนังได้อีก เช่น สารเคมี กระแสไฟฟ้า และกัมมันตรังสี เป็นต้น 

    การรักษาบาดแผลไฟไหม้ให้ได้ผลดีจำเป็นต้องให้วินิจฉัยดีกรีความลึกของบาดแผลไฟไหม้ได้ดี ด้วยเพราะ ปัจจุบันถ้าเป็นบาดแผลไฟไหม้ดีกรีตื้น นิยมรักษาโดยการทาด้วยครีมยาที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ (topical antibiotic treatment)  หรือปิดผลิตภัณฑ์ปิดแผลต่างๆ ซึ่งมีหลายชนิดในท้องตลาดก็เพียงพอ แต่ถ้าเป็นบาดแผลไฟไหม้ดีกรีลึกการรักษาโดยวิธีผ่าตัดจะได้ผลดีกว่า

    บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกเป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะเป็นบาดแผลที่พบได้บ่อย บาดแผลมีความเจ็บปวดมาก หากบาดแผลลึกและกว้างการรักษาจะใช้เวลานาน ค่าใช้จ่ายสูง และอาจทำให้สูญเสียภาพลักษณ์ที่ดีจากรอยแผลเป็นตลอดจนเกิดการพิการได้ หากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกเป็นบริเวณกว้าง จำเป็นต้องพักรักษาในโรงพยาบาล เพราะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง

    ระดับความรุนแรงของบาดแผล

    ความรุนแรงสามารถแบ่งออกได้ตามความลึกของแผลและขนาดของแผล ดังนี้

    • การแบ่งบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกตามความลึก ได้แก่
    1.  First Degree Burn เป็นการบาดเจ็บในชั้นหนังกำพร้า บาดแผลเจ็บไม่มาก และมักจะหายเองภายใน 1 สัปดาห์ โดยไม่มีแผลเป็น บาดแผลพวกนี้ เช่น บาดแผลจากการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน (Sun Burn)
    2. Superficial Second Degree Burn เป็นการบาดเจ็บในชั้นหนังแท้ส่วนที่อยู่ตื้นๆ บาดแผลพวกนี้จะเจ็บมาก บางครั้งพองเป็นตุ่มน้ำใสๆ ถ้ารักษาอย่างถูกต้องมักจะหายได้เองภายใน 2 – 3 สัปดาห์มักไม่มีแผลเป็นหลงเหลือ
    3. Deep Second Degree Burn เป็นการบาดเจ็บในชั้นหนังแท้ส่วนลึก บาดแผลพวกนี้จะเจ็บมากเช่นกัน ดูแยกยากจากบาดแผลประเภทที่ 2 การรักษาใช้เวลานานมากขึ้น บางครั้งมีแผลเป็นเกิดขึ้นได้
    4. Third Degree Burn เป็นบาดแผลเจ็บที่ทำลายผิวหนังทุกชั้นจนหมด บาดแผลพวกนี้จะไม่เจ็บมาก เพราะเส้นประสาทรับความเจ็บปวดจะถูกทำลายไปด้วย บาดแผลจะมีสีค่อนข้างซีด บางครั้งจะมีเนื้อตายแข้งๆ คลุมแผลอยู่ การรักษาจะยุ่งยากมากขึ้น จำเป็นต้องเลาะเนื้อตายออก และจะต้องทำการผ่าตัดเอาผิวหนังมาปลูกถ่าย (Skin Grafting) ยกเว้นบาดแผลขนาดเล็กมาก อาจทำแผลจนหายเองได้ แต่มักจะมีแผลเป็นตามมา
    • การแบ่งบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกตามขนาดของแผล ได้แก่

    การแบ่งบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกตามขนาดของแผลนิยมบอกขนาดของแผลใหญ่ป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ผิวของร่างกาย (Body Surface Area) โดยขนาด 1 ฝ่ามือของผู้ป่วยรวมนิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว จะมีขนาดประมาณ 1% ของพื้นที่ผิวร่างกาย หรือแบ่งตาม Rules of Nines (สำหรับผู้ป่วยผู้ใหญ่) เช่น แขนแต่ละข้างจะมีพื้นที่ผิวประมาณ 9% ของพื้นที่ผิวร่างกาย ขาแต่ละข้างจะมีพื้นที่ผิวประมาณ 18% ของพื้นที่ผิวร่างกาย เป็นต้น

    บาดแผลขนาดใหญ่หรือบาดแผลลึกจะต้องรับการรักษาที่ซับซ้อนมากกว่าบาดแผลขนาดเล็กหรือบาดแผลตื้น

    ผู้ป่วยบาดแผลไฟไหม้รุนแรงอาจต้องรับการรักษาในหอผู้ป่วยเฉพาะทางและอาจต้องใช้เวลารักษาเป็นเดือน

    ขั้นตอนการรักษาบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก

    เมื่อได้รับบาดเจ็บเกิดเป็น ในเบื้องต้นควรล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า หรือหากบาดแผลสกปรกมาก อาจใช้สบู่อ่อนชะล้างสิ่งสกปรกออกไปก่อน จากนั้นล้างด้วยน้ำเปล่ามากๆ หากทำได้ให้ใช้น้ำอุณหภูมิห้องไหลผ่านแผลหรือแช่แผลในน้ำอุณหภูมิห้องอย่างน้อย 5 นาที แต่ไม่ควรเกิน 20 นาที ห้ามใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด เพราะอาจทำให้บาดแผลลึกมากขึ้นได้ จากนั้นใช้ผ้าสะอาดปิดแผลและไปพบแพทย์ ไม่ควรใช้ยาสีฟันหรือครีมอื่นใดชะโลมบนแผล เพราะอาจทำให้แผลมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น

    แพทย์จะทำความสะอาดแผลอีกครั้งจนแผลสะอาดแล้วประเมินทั้งความลึกและความกว้างของแผล หากมีเนื้อตายก็จะตัดเนื้อตายออก แล้วทำการปิดแผล อาจใช้ครีม (Cream) หรือขี้ผึ้ง (Ointment) ทาแผล หรือใช้วัสดุปิดแผลที่ทันสมัยอื่นๆ ปิดแผล ถ้าเป็นแผลใหญ่หรือแผลบริเวณอวัยวะสำคัญ เช่น ใบหน้า มือ และฝีเย็บ ผู้ป่วยอาจต้องพักรักษาภายในโรงพยาบาล

    แผลจะถูกล้างทำความสะอาด ประเมินความลึกและขนาดของแผลตลอดจนตัดเนื้อตายออกเป็นระยะ อาจจะทุกวันหรือทุก 1 – 4 วัน แล้วแต่สภาพของแผล ขณะเดียวกันผู้บาดเจ็บอาจได้รับยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดตามความจำเป็นด้วย แผลที่ไม่ลึกจะหายได้เองภายใน 1 – 3 สัปดาห์ ส่วนแผลลึกมักจะต้องตัดเอาหนังมาปิด (Skin Grafting) ผิวหนังที่นำมาปิดบนแผลนั้นจะต้องเป็นผิวหนังของผู้บาดเจ็บเองจะนำผิวหนังผู้อื่นมาปิดไม่ได้ แต่แพทย์จะตัดผิวหนังของผู้บาดเจ็บเพียงบางๆ มาปิดบนแผล ทำให้แผลหายได้ ส่วนบริเวณที่ตัดผิวหนังออกมา (Donor Site) ก็จะหายเองภายในเวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์

    แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก

    การดูแลตนเองจากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก

    • ล้างด้วยน้ำสะอาดที่อุณหภูมิปกติ ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลช่วยลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณบาดแผลได้
    • หลังจากนั้นซับด้วยผ้าแห้งสะอาด แล้วสังเกตว่าถ้าผิวหนังมีรอยถลอก มีตุ่มพองใสหรือมีสีของผิวหนังเปลี่ยนไป ควรรีบไปพบแพทย์
    • หากมีแผลบริเวณใบหน้า จะต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะบริเวณใบหน้ามักจะเกิดอาการระคายเคืองจากยาที่ใช้ ห้ามใส่ยาใดๆ ก่อนถึงมือแพทย์
    • ไม่ควรใส่ตัวยา/สารใดๆ ทาลงบนบาดแผล ถ้าไม่แน่ใจในสรรพคุณที่ถูกต้องของยาชนิดนั้น โดยเฉพาะ”ยาสีฟัน” “น้ำปลา” เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อบาดแผล เพิ่มโอกาสการเกิดบาดแผลติดเชื้อ และทำให้รักษาได้ยากขึ้น
    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นผง หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้ระคายเคือง
    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ทุกชนิด เพราะหากโดนบริเวณแผลก็อาจทำให้คันหรือมีการติดเชื้อได้ง่าย
    • รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ เพื่อเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ทำให้บาดแผลสมานปิดเร็วขึ้น
    • หมั่นทายา/รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญต้องรักษาความสะอาดแผลให้ดีด้วย
    • ถ้ามีตุ่มพองเล็กๆ เพียง 2-3 อัน เกิดที่ฝ่ามือ ไม่ควรใช้เข็มเจาะ ให้ทาด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีนหรือทิงเจอร์ใส่แผลสด (Merthiolate) แล้วปิดด้วยผ้ากอซ ตุ่มจะค่อยๆ แห้งและหลุดล่อนไปเองใน 3-7 วัน
    • ถ้ามีตุ่มพองที่แขนขา หลังมือ หลังเท้า หลังจากทำความสะอาดด้วยน้ำกับสบู่แล้ว ให้ใช้มีดหรือกรรไกรที่ทำให้ปราศจากเชื้อ (เช่น แช่ในแอลกอฮอล์แล้ว) เจาะเป็นรู    แล้วใช้ผ้ากอซที่ปราศจากเชื้อกดซับน้ำเหลืองให้แห้ง ใช้โพวิโดนไอโอดีนหรือทิงเจอร์ใส่แผลสดทา แล้วพันด้วยผ้ายืดให้ผิวที่พองกดแนบสนิท ภายใน 2-3 วัน หนังที่พองจะหลุดล่อน
    • ถ้ามีตุ่มพองเป็นบริเวณกว้าง ให้ใช้กรรไกรที่ทำให้ปราศจากเชื้อขริบเอาหนังที่พองออก แล้วล้างด้วยน้ำเกลือ ซับให้แห้ง แล้วทาด้วย ครีมซัลฟาไมลอน (Sulfamylon), ขี้ผึ้งแบกตาซิน (Bactacin), น้ำยาโพวิโดนไอโอดีน, ครีมซิลเวอร์ซัลฟาไดอาซีน (Silver sulfadiazine) หรือ พ่นด้วยสเปรย์พรีเดกซ์ (Predex spray) ถ้าเป็นบริเวณแขนหรือขา ให้ใช้ผ้าพัน ถ้าเป็นที่หน้าหรือลำตัว ให้เปิดแผลไว้ ควรล้างแผลและใส่ยา วันละ 1-2 ครั้ง เมื่อดีขึ้นค่อยทำห่างขึ้น
    • ควรทานยาแก้ปวดและฉีดยาป้องกันบาดทะยัก
    • ถ้าบาดแผลไม่ดีขึ้น ใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการติดเชื้อ หรืออาการทั่วไปไม่ดี (เช่น มีไข้สูง เบื่ออาหาร) ควรส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ถ้าบาดแผลลึก อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนัง (skin graft)

    ข้อแนะนำบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก

    1. การปฐมพยาบาลบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ที่แนะนำในปัจจุบันคือ รีบใช้น้ำเย็นหรือน้ำแข็ง ประคบทันทีหลังเกิดเหตุ อย่าใช้ยาสีฟัน น้ำปลา หรือยาหม่องทา
    2. บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกที่เกิดในเด็กเล็ก และ ผู้สูงอายุ ถึงแม้จะมีขนาดไม่กว้างมาก แต่ก็อาจมีอันตรายมากกว่าที่พบในคนหนุ่มสาว    ดังนั้นจึงควรแนะนำไปรักษาที่โรงพยาบาลทุกราย
    3. บาดแผลที่ข้อพับ อาจทำให้เกิดแผลเป็น ดึงรั้งข้อต่อให้คดงอ (เหยียดไม่ได้) สามารถป้องกัน  ได้โดยใช้เฝือกดามข้อในบริเวณนั้นตั้งแต่แรก
    4. ภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้ ในระยะ 2-3 วันแรก คือ ภาวะขาดน้ำและช็อก    ถ้ามีบาดแผลกว้าง แพทย์จะให้น้ำเกลือชนิดริงเกอร์แล็กเทต (Ringer’s lactate)  ในวันแรกอาจให้ขนาด 4 มล. ต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อเนื้อที่บาดแผล 1 เปอร์เซ็นต์ โดยให้ครึ่งหนึ่งใน 8 ชั่วโมงแรก อีกครึ่งหนึ่ง ที่เหลือให้หมดใน 16 ชัวโมงต่อมา วันต่อมาอาจต้องให้น้ำเกลือ และพลาสมา  ส่วนการติดเชื้ออาจเกิดขึ้นหลังจากมีบาดแผล 2-3 วันไปแล้ว (หรือหลัง 1 สัปดาห์) ถ้าบาดแผลมีขนาดกว้างก็มีโอกาสติดเชื้อรุนแรง โดยทั่วไป ถือว่าบาดแผลดีกรีที่ 2 ที่มีขนาดมากกว่า 30% และบาดแผลดีกรีที่ 3 ที่มีขนาดมากกว่า 10% ถือเป็นบาดแผลรุนแรง รักษายากและมักจะมีอัตราตายสูง
    5. ผู้ที่มีบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ควรกินอาหารโปรตีน (เช่น เนื้อ นม ไข่) ให้มากๆ เพราะร่างกายมีการสูญเสียโปรตีนออกไปทางบาดแผล
    6. ถ้ามีบาดแผลถูกกรดหรือด่าง ควรให้การปฐมพยาบาล โดยรีบชะล้างแผลด้วยน้ำก๊อก นานอย่างน้อย 5 นาที แล้วส่งโรงพยาบาล แพทย์อาจให้การรักษาแบบเดียวกับบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก

     

    ปัจจุบันการดูแลรักษาบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (Burn) มีความก้าวหน้าไปมาก มีวัสดุปิดแผลใหม่ๆ ที่มีคุณภาพดีหลายชนิด การเลือกใช้วัสดุปิดแผลอย่างถูกต้องและการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ ทำให้ผู้ป่วยลดความทุกข์ทรมานจากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก บาดแผลหายเร็วขึ้นและแผลเป็นก็ลดลง ดังนั้นหากมีบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกควรได้รับการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์โดยเร็ว

     

    เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ

     

    ที่มาของบทความ

     

    ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่  gayayers.com

    สนับสนุนโดย  ufabet369

Economy

  • Takeaway Wales: เมืองหลวงแห่งอาหารจานด่วน?
    Takeaway Wales: เมืองหลวงแห่งอาหารจานด่วน?

    Takeaway Wales: เมืองหลวงแห่งอาหารจานด่วนของสหราชอาณาจักร?

    มีการเปิดเผยว่า 73% ของร้านอาหารทั้งหมดในส่วนหนึ่งของเวลส์ขายอาหารจานด่วน

    Blaenau Gwent เป็นผู้นำตารางลีกของสหราชอาณาจักร – ด้วยร้าน 55 จาก 75 ร้าน

    เวลส์มีร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเพิ่มขึ้น 48% ในช่วงปี 2010 ถึง 2018 ซึ่งแซงหน้าสหราชอาณาจักรที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 34% ตามรายงานของ BBC Shared Data Unit

    ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอ้วน นาดิม ฮาบูบี อธิบายว่าการเพิ่มขึ้นเป็น “โรค” สำหรับชุมชนชาวเวลส์

    Caerphilly มีสัดส่วนร้านอาหารซื้อกลับบ้านสูงเป็นอันดับสองที่ 66% และ Rhondda Cynon Taff เป็นอันดับสี่ในสหราชอาณาจักรด้วย 63%

    เวลส์มีร้านอาหารจานด่วน 670 แห่งที่เปิดให้บริการในช่วงแปดปีที่ผ่านมา โดย Neath Port Talbot มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจาก 50 เป็น 105 แห่ง

    ตัวเลขอ้างอิงจากตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติ

    ศาสตราจารย์ Haboubi เป็นประธานสมาคมโรคอ้วนแห่งเวลส์และเป็นแพทย์ลดความอ้วนที่ศูนย์ควบคุมน้ำหนักของ Aneurin Bevan University Health Board ในเมือง Blaenau Gwent

    เขาบอกกับ BBC Radio Wales ว่าผู้ป่วยของเขาหลายคนไม่ค่อยทำอาหารกินเอง และเรียกร้องให้มีการศึกษาที่ดีขึ้นและการแทรกแซงจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

    “คนส่วนใหญ่ที่มาที่คลินิกของฉันไม่ได้ทำอาหาร ฉันคิดว่านั่นเป็นโศกนาฏกรรม” เขากล่าว

    เขากล่าวว่าบางคนเลือกที่จะไม่ทำอาหารเพราะความเกียจคร้าน ในขณะที่บางคนขาดความมั่นใจและการศึกษา หมายความว่าพวกเขาเชื่อว่าการทำอาหารกินเองนั้นราคาไม่แพง

    “มันไม่ใช่ความผิดของธุรกิจ เรามีโรคประจำตัว” เขากล่าวเสริม

    เส้นสีเทาการนำเสนอ
    Ryan Hughes ผู้จัดการของ The Crispy Cod ใน Tonyrefail, Rhondda Cynon Taff
    “มีการเรียกร้อง [อาหารซื้อกลับบ้าน] และฉันคิดว่าเหตุผลนั้นเป็นเพราะวิถีชีวิตของผู้คนที่ยุ่งวุ่นวายและพวกเขากำลังไปทานอาหารที่เร็วกว่า

    “ฟิชแอนด์ชิปส์สามารถดีต่อสุขภาพสำหรับคุณ และเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ดีที่ควรมีในอาหารที่สมดุล

    “เราทำวิธีการและขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อให้ฟิชแอนด์ชิปส์มีสุขภาพดีที่สุด

    “ปลาและมันฝรั่งทอดเฉลี่ยของเราอยู่ที่ 680 แคลอรี่เท่านั้นและนั่นคือชิปปลาและถั่วลันเตา”

    เส้นสีเทาการนำเสนอ
    นอกจากนี้ ข้อมูลของ BBC เปิดเผยว่า:

    ในปี 2010 มีร้านอาหารจานด่วน 30 ร้านต่อประชากร 100,000 คนในเวลส์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 65 ร้านในปี 2018 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของสหราชอาณาจักรที่ 61 ร้าน
    Conwy มีจำนวนร้านอาหารจานด่วนสูงสุดต่อประชากร 100,000 คนในเวลส์ 81 แห่ง

    Takeaway Wales: เมืองหลวงแห่งอาหารจานด่วน?
    Costa Yianni เจ้าของร้าน Eat Fit ใน Conwy

    “คงจะดีไม่น้อยหากเรามีการสนับสนุนเพิ่มเติมสำหรับร้านกาแฟในท้องถิ่นและการซื้อกลับบ้านในท้องถิ่น ดังนั้นหากพวกเขาสามารถจำกัด [จำนวนในพื้นที่] ได้ ฉันคิดว่านั่นอาจเป็นสิ่งที่พวกเขาควรพิจารณา

    “ฉันไม่ได้บอกว่าพวกเขาไม่ควรมีฟิชแอนด์ชิปส์หรือซื้อกลับบ้านอีกเลย มันคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการเลือกอย่างชาญฉลาดและการสร้างสมดุลที่เหมาะสม

    “ไม่มีอะไรในโรงเรียนที่จะให้ความรู้แก่ผู้คนเกี่ยวกับปริมาณแคลอรี่ที่พวกเขาควรได้รับ”

    เส้นสีเทาการนำเสนอ

    ดร. จูลี บิชอปแห่งสาธารณสุขเวลส์ กล่าวว่า งานวิจัยชี้ว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างสัดส่วนของร้านอาหารแบบสั่งกลับบ้านในพื้นที่กับระดับโรคอ้วน

    “โรคอ้วนเป็นความท้าทายด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดที่เราเผชิญ” เธอบอกกับ Good Morning Wales ของ BBC Radio Wales

    แต่ดร. บิชอปกล่าวว่าปัญหานี้เป็น “ปัญหาสาธารณสุขแบบคลาสสิก” ซึ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเทียบกับผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน และเสนอวิธีแก้ปัญหาสามวิธี:

    ทำให้หน่วยงานท้องถิ่นสามารถคัดค้านการเปิดร้านอาหารจานด่วนได้ง่ายขึ้น
    ทำงานร่วมกับธุรกิจซื้อกลับบ้านเพื่อจัดหาทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ
    และ “ย้อนกระแส” คนไม่ทำอาหาร
    “เพราะการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนจำนวนมากมีผลกระทบที่ใหญ่กว่า” เธอกล่าวเสริม

    รื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจในเว็บของเรา

    ภาวะหัวใจหยุดเต้น เฉียบพลัน เหตุหญิงชาวเอกวาดอร์ “ตายแล้วฟื้น”

    นิวคาสเซิ่ล จบท็อปโฟร์หลังเสมอกับเลสเตอร์

    Daniil Medvedev เสมอกับเพื่อนออนไลน์ Shevchenko

    หอยทากย่าง ขนาดใหญ่ เป็นอาหารเมื่อ 170,000 ปีที่แล้ว

    เกาหลีใต้แข่งขัน Tokyo Metropolitan Gymnasium เป็นครั้งแรก

    ขอบคุณรูปภาพจาก pexels.com

    แหล่งที่มา https://www.bbc.com/news/business

    สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ gayayers.com